กีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อนมีประวัติยาวนานมากกว่า 100 ปี โดยเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1900 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งยังไม่เป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี 1908 ที่กรุงลอนดอน ฟุตบอลจึงได้ถูกรวมอยู่ในกีฬาชิงเหรียญทองอย่างเต็มรูปแบบ โดยช่วงแรกเน้นให้นักเตะสมัครเล่นเข้าร่วมเท่านั้น ทำให้บางประเทศยังไม่สามารถส่งนักเตะตัวจริงลงสนามได้ ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป กฎกติกาและรูปแบบการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยขึ้น และทำให้โอลิมปิกกลายเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลกได้แสดงฝีเท้า และถือเป็นก้าวแรกของนักเตะหลายคนก่อนก้าวสู่ฟุตบอลโลกหรือลีกอาชีพระดับสูง
กฎกติกาและรูปแบบการแข่งขันของฟุตบอลโอลิมปิก
ในช่วงแรกของการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกจะอนุญาตเฉพาะนักเตะสมัครเล่นเข้าร่วมเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา มีการปรับเปลี่ยนกติกาให้สามารถส่งผู้เล่นอาชีพอายุไม่เกิน 23 ปี พร้อมเพิ่มผู้เล่นอาวุโสได้อีก 3 คน ทำให้แต่ละชาติสามารถจัดทีมผสมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนในฟุตบอลหญิงเริ่มจัดแข่งขันในปี 1996 และเปิดโอกาสให้ส่งทีมเต็มรูปแบบโดยไม่มีการจำกัดอายุ ทำให้ทั้งชายและหญิงมีโอกาสแสดงความสามารถในเวทีระดับโลกเช่นเดียวกัน และการแข่งขันจะใช้ระบบแบ่งกลุ่มก่อนเข้าสู่รอบน็อกเอาต์จนได้ผู้ชนะเลิศ
ชาติที่คว้าเหรียญทองมากที่สุดในฟุตบอลโอลิมปิก
หากพูดถึงลำดับของชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในกีฬาฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน ฝั่งชายต้องยกให้ประเทศฮังการีที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ถึง 3 สมัย ตามมาด้วยอุรุกวัยและสหราชอาณาจักรที่มีผลงานโดดเด่นในช่วงต้นของการแข่งขัน ส่วนในฝั่งหญิง สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ครองความเป็นหนึ่งมาโดยตลอด ด้วยผลงานเหรียญทองหลายสมัยจากการเล่นที่มีพลังและความเร็วสูง โดยเฉพาะช่วงปี 2004–2012 ที่สหรัฐอเมริกาครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลหญิงโอลิมปิกอย่างแท้จริง
นักเตะชื่อดังที่เคยแข่งขันในฟุตบอลโอลิมปิก
นักเตะระดับโลกหลายคนเคยผ่านการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกและใช้เวทีนี้ในการสร้างชื่อเสียง เช่น ลีโอเนล เมสซี่ ที่คว้าเหรียญทองให้กับอาร์เจนตินาในปี 2008 หรือ เนย์มาร์ ที่พาบราซิลคว้าเหรียญทองครั้งแรกในปี 2016 ที่ริโอเดจาเนโร รวมถึงนักเตะหญิงชื่อดังอย่าง มิอา แฮมม์ ที่เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติสหรัฐฯ ในยุคเริ่มต้นของฟุตบอลหญิงโอลิมปิก ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะเป็นเวทีที่ไม่ใหญ่เท่าฟุตบอลโลก แต่ฟุตบอลโอลิมปิกก็เป็นจุดเริ่มต้นของนักเตะระดับตำนานหลายคน
ความสำคัญของโอลิมปิกต่อวงการฟุตบอลโลก
แม้ฟุตบอลโอลิมปิกจะไม่ได้รับความสนใจเท่าฟุตบอลโลกในเชิงธุรกิจหรือจำนวนผู้ชม แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากในแง่ของการพัฒนานักเตะเยาวชน และสร้างโอกาสให้ชาติเล็กๆ ได้มีเวทีแสดงศักยภาพ โอลิมปิกเปรียบเสมือนเวทีแห่งอนาคต เพราะช่วยเปิดตัวนักเตะหน้าใหม่ที่อาจจะกลายเป็นดาวรุ่งในอนาคต อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทดลองระบบและกฎใหม่ เช่น การใช้ VAR หรือการจัดการแข่งขันแบบประหยัดและยั่งยืนมากขึ้น ฟุตบอลในโอลิมปิกจึงเป็นมากกว่าการแข่งขัน แต่เป็นเวทีที่ช่วยขับเคลื่อนอนาคตของวงการลูกหนังโลก สปอร์ติงลิสบอน พบ อาร์เซนอล
ลำดับของฟุตบอลโอลิมปิกในประเทศไทย
ทีมชาติไทยเคยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อนมาแล้วในปี 1956 ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย และปี 1968 ที่เม็กซิโก โดยยังไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ แต่การได้เข้าร่วมแข่งขันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ให้กับนักเตะไทยในเวทีระดับโลก โดยในยุคนั้นนักเตะที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เช่น สนอง ไชยยงค์ และนักเตะจากยุคทองที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมเอเชีย แม้ไทยยังไม่สามารถไปไกลได้ แต่ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยตั้งเป้าสู่เวทีโอลิมปิกในอนาคต